มาตรฐานการชงกาแฟให้อร่อย
ปัจจัยในการชงกาแฟให้อร่อย
ปัจจัยในการชงกาแฟให้อร่อย (ในอิตาลี) ได้แก่
เมล็ดกาแฟ 50% เครื่องชง/บด 30% อีก 20% คือ บาริสต้า Barista นั่นเอง
ถ้าคุณต้องการที่จะกลายเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในศิลปะของอาชีพบาร์ริสต้า คุณจำเป็นต้องมีทักษะ ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์
1. จะต้องรู้จักเมล็ดกาแฟ อย่างแท้จริง
2. ต้องเข้าใจในความสามารถพื้นฐานของเครื่องชง/บดกาแฟ
3. ต้องมีความสามารถในการใช้ทักษะเทคนิคในการชงให้ได้เครื่องดื่มกาแฟ ตรงตามมาตรฐาน และทันกับความต้องการของลูกค้า ให้ได้ครบ 100 % (หมายรวมถึงประสบการณ์ของการตลาดด้วย)
เมล็ดกาแฟ 50% เครื่องชง/บด 30% อีก 20% คือ บาริสต้า Barista นั่นเอง
ถ้าคุณต้องการที่จะกลายเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในศิลปะของอาชีพบาร์ริสต้า คุณจำเป็นต้องมีทักษะ ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์
1. จะต้องรู้จักเมล็ดกาแฟ อย่างแท้จริง
2. ต้องเข้าใจในความสามารถพื้นฐานของเครื่องชง/บดกาแฟ
3. ต้องมีความสามารถในการใช้ทักษะเทคนิคในการชงให้ได้เครื่องดื่มกาแฟ ตรงตามมาตรฐาน และทันกับความต้องการของลูกค้า ให้ได้ครบ 100 % (หมายรวมถึงประสบการณ์ของการตลาดด้วย)
4M กับความอร่อยของเอสเพรสโซใน สไตล์อิตาเลี่ยน
1. Mistura คือ ความเหมาะสมของกาแฟ
ในอิตาลีเมล็ดกาแฟเอสเพรสโซต้องผสมจากเมล็ดกาแฟอย่างน้อย 5-13 ชนิดจากแหล่งปลูกต่างๆกัน (มาตรฐานที่IIAC กำหนดไว้) บาริสต้าต้องรู้ว่าตัวเองใช้เมล็ดกาแฟที่ผสมจากเมล็ดกาแฟชนิดใดบ้าง เพื่อจะได้รู้ว่ารสชาติของเอสเพรสโซที่ตัวเองชงนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร การรู้จักเมล็ดกาแฟอย่างลึกซึ้งจะทำให้สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญมากในการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ.
2. Macinino คือ วิธีการบดเมล็ดกาแฟ
หลักการโดยทั่วไปของยุโรปใช้เมล็ดกาแฟ 7 กรัม ในการชง และใช้เวลา 20 ถึง 30 วินาที เพื่อให้ได้ ประมาณชอต เอสเพลสโซ 25cc-30cc. ดังนั้นจึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีบดที่เหมาะสมที่สุดกับเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้
นอกจากนี้ก่อนบดต้องคำนึงถึงปริมาณเมล็ดกาแฟที่เหลืออยู่ใน Doser ด้วย ควรรีบใช้ผงกาแฟที่บดแล้วภายใน ชม. เพราะถ้าเก็บไว้นานเกินไป จะทำให้ผงกาแฟสะสมความชื้นและความหอมก็จะลดน้อยไปด้วยตามระยะเวลาที่ทิ้งไว้.
3. Macchina คือ เครื่องชงเอสเพรสโซ
เอสเพรสโซที่อร่อยเริ่มจาก มาตรฐานเครื่องชงกาแฟที่มี อุณหภูมิน้ำที่ 90(-+2) องศาเซลเซียส. แรงดันเท่ากับ 9 บาร์และชงเอสเพรสโซในเวลา 20-30 วินาที เครื่องชงกาแฟจึงต้องมีประสิทธิภาพสูงมากพอที่จะเชตมาตรฐานนี้ได้.
4. Mano คือ บาริสต้านั่นเอง Barista
ถ้าไม่มีคนดูทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวมา อย่างตั้งใจ หรือบาริสต้าที่มีทักษะอย่างดีแล้ว ก็คงไม่สามารถชงเอาเพรสโซให้อร่อยได้ทันต่อความต้องการของลูกค้า แต่ในทางกลับกัน การมุ่งเน้นขั้นตอนในการชงมากเกินไป จนชงเอสเพรสโซได้ล่าช้า และเกิดความเคร่งเครียดก็คงไม่ได้ผลดีนัก.
ในอิตาลีเมล็ดกาแฟเอสเพรสโซต้องผสมจากเมล็ดกาแฟอย่างน้อย 5-13 ชนิดจากแหล่งปลูกต่างๆกัน (มาตรฐานที่IIAC กำหนดไว้) บาริสต้าต้องรู้ว่าตัวเองใช้เมล็ดกาแฟที่ผสมจากเมล็ดกาแฟชนิดใดบ้าง เพื่อจะได้รู้ว่ารสชาติของเอสเพรสโซที่ตัวเองชงนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร การรู้จักเมล็ดกาแฟอย่างลึกซึ้งจะทำให้สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญมากในการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ.
2. Macinino คือ วิธีการบดเมล็ดกาแฟ
หลักการโดยทั่วไปของยุโรปใช้เมล็ดกาแฟ 7 กรัม ในการชง และใช้เวลา 20 ถึง 30 วินาที เพื่อให้ได้ ประมาณชอต เอสเพลสโซ 25cc-30cc. ดังนั้นจึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีบดที่เหมาะสมที่สุดกับเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้
นอกจากนี้ก่อนบดต้องคำนึงถึงปริมาณเมล็ดกาแฟที่เหลืออยู่ใน Doser ด้วย ควรรีบใช้ผงกาแฟที่บดแล้วภายใน ชม. เพราะถ้าเก็บไว้นานเกินไป จะทำให้ผงกาแฟสะสมความชื้นและความหอมก็จะลดน้อยไปด้วยตามระยะเวลาที่ทิ้งไว้.
3. Macchina คือ เครื่องชงเอสเพรสโซ
เอสเพรสโซที่อร่อยเริ่มจาก มาตรฐานเครื่องชงกาแฟที่มี อุณหภูมิน้ำที่ 90(-+2) องศาเซลเซียส. แรงดันเท่ากับ 9 บาร์และชงเอสเพรสโซในเวลา 20-30 วินาที เครื่องชงกาแฟจึงต้องมีประสิทธิภาพสูงมากพอที่จะเชตมาตรฐานนี้ได้.
4. Mano คือ บาริสต้านั่นเอง Barista
ถ้าไม่มีคนดูทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวมา อย่างตั้งใจ หรือบาริสต้าที่มีทักษะอย่างดีแล้ว ก็คงไม่สามารถชงเอาเพรสโซให้อร่อยได้ทันต่อความต้องการของลูกค้า แต่ในทางกลับกัน การมุ่งเน้นขั้นตอนในการชงมากเกินไป จนชงเอสเพรสโซได้ล่าช้า และเกิดความเคร่งเครียดก็คงไม่ได้ผลดีนัก.
ที่มา: http://barriocoffee.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น